วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ไอซ์แลนด์ Lesson 3 ep.2

เส้นทางที่เดินทางต่อไปด้านขวาจะเห็นทะเลแต่เป็นระนาบ
เดียวกับถนน ไม่ได้วิ่งบนไหล่เขาที่น่ากลัวเหมือนทางทิศเหนือ...
ก็น่าแปลกที่ทำไมทางด้านเหนือไม่ค่อยมีชายหาด  เหมือนทาง
ด้านใต้....ที่ถนนจะเลาะเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ ส่วนฝั่งซ้ายก็
เป็นภูเขาสูงใหญ่  บ้างก็ติดถนน บ้างก็ห่างไกลออกไปมากมาย
ซึ่งส่วนไหนที่ห่างมากๆ ก็จะพอมองเห็นยอดเขาลิบๆ ที่ปกคลุม
ด้วยสีขาว นั่นละมั๊งภูเขาน้ำแข็ง  จิตใจเต้นระทึกเพราะเป็นครั้งแรก
ที่จะได้เห็นภูเขาน้ำแข็งในระยะประชิด

แต่หนทางก็ยังพาให้ตื่นตาตื่นใจอีกครา เพราะตอนนี้เส้นทางเริ่ม
วิ่งอยู่บนสะพานที่ทอดตัวข้ามหาดทรายสีดำมีเส้นทางน้ำเป็นระยะๆ
ซึ่งคนนำทางบอกว่าเป็นน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็งที่เรามองเห็น
อยู่ลิบๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งใหญ่นั่นเอง  

สะพานนั้นไม่กว้างนัก แค่รถแล่นได้คันเดียว และบางช่วงจะทำกาง
ออกให้รถแอบสำหรับหลีกรถที่สวนกันเป็นระยะๆ ....ที่เป็นอย่างนี้
อาจจะด้วยว่ารถที่จะใช้เส้นทางมีไม่มาก และสะพานต้องทอดตัว
ยาวไกล จึงต้องประหยัดงบประมาณ  

เมื่อวิ่งมาช่วงหนึ่งสะพานกว้างขึ้น พอวิ่งสวนกันได้ และตรงนี้เองที่
เคยเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดใต้ธารน้ำแข็งและทำให้น้ำแข็งทลาย
กลายเป็นสายน้ำปนน้ำแข็งก้อนโตๆ พุ่งพัดมาพังทลายสะพานขาด
อย่างง่ายดาย...ทุกวันนี้ยังคงเห็นซากเหล็กของสะพานฝังตัวอยู่ใน
หาดทรายดำกว้างนั้นอยู่บ้างบางส่วน  เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของจุด
เกิดเหตุ....

ไม่ช้าไม่นานเราก็ผ่านสะพานนั้นมาเข้าสู่เส้นทางปกติ  หากจู่ๆ ชาย
หนุ่มที่ขับรถพาเรามาก็หักเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลูกรังแคบๆ ผ่านทุ่งหญ้า
มุ่งสู่เนินเขาเล็กๆ ข้างหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีขาวด้านบน ดูสวยแปลกตา....
เห็นเหมือนไม่ไกลนักแต่เราก็ใช้เวลาพอสมควรทีเดียวกับการขับรถ
ตัดทุ่งเข้ามา...

หลังจากหยุดรถ และพ่อหนุ่มคนนั้นพาอิฉันเดิน เดิน และเดินมุ่งหน้า
ไปหาเนินเขากับความพิศวงว่า จะพาไปไหน...อิฉันต้องปีนป่ายขึ้นไป
อีกพอได้เหงื่อ ก็พบว่า ตรงหน้าอิฉันนั้น เป็นผนังขาวๆ ของน้ำแข็งที่
ไม่ยักกะขาวสวยอย่างที่เราเห็นไกลๆ แต่มันสกปรกไปด้วยฝุ่นดำแทรก
อยู่ทั่วไป คนนำทางบอกเราว่า ตรงนี้เป็นชายของธารน้ำแข็งใหญ่ ส่วน
นี้ชื่อว่า skaftafellsjökull (สกัฟตาเฟส) เรามองด้วยความตื่นตาและ
ตื่นเต้น นี่คือน้ำแข็งก้อนที่ใหญ่ที่สุดที่เราเคยเห็นมาทีเดียว เพราะระดับ
สายตาเราที่ยืนอยู่ก็สูงจากพื้นดินพอสมควร แต่มันวางอยู่บนพื้นดินและ
เราต้องแหงนเงยเพื่อให้เห็นส่วนบนสุดของมัน....(ปัจจุบันจุดนี้น้ำแข็ง
ละลายหมดแล้วค่ะ กลายเป็นหน้าผาที่มองลงไปกลายเป็นสายน้ำ ส่วน
ของน้ำแข็งหดเข้าไปในหุบเหวไกลพอประมาณ นี่กระมังที่เค้าบอกว่า
น้ำแข็งขั้วโลกละลาย)    


ธานน้ำแข็งใกล้ๆ ไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่คิด




เส้นทางต่อจากนี้เราจะมองเห็นทางขาวๆ ของธารน้ำแข็งที่มองเหมือน
น้ำแข็งกำลังไหลลงมาแล้วก็หยุดสะดุดอยู่แค่ชายเขาอย่างนั้นเอง....
เป็นอีกครั้งที่หนุ่มคนนำทางได้เลี้ยวรถเข้าทางลูกรังทางซ้ายมือเพื่อมุ่ง
หน้าไปสู่เขาที่มองเห็นอยู่ข้างหน้า....จะมีอะไรให้เราดูอีกนะ....

จู่ๆ รถก็หยุดลงข้างทางซะเฉยๆ อิฉันหันไปมองหน้าคนขับด้วยความสงสัย
แต่สายตาที่หันมาและทอดมองไปที่ท้องทุ่งแห้งๆ ก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะ
มองตามออกไป...เอ...ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจนอกจาก มีนกสีน้ำตาลแซมดำ
บินฉวัดเฉวียน คล้ายๆ นกอินทรีตัวย่อมๆ ก็เลยต้องหันมามองหน้าสารถี
อีกครั้งแต่คราวนี้ เธอเปิดประตูลงไป พร้อมกับอ้อมมาเปิดให้เราและชี้ให้
ดูที่พื้นที่มีนกตัวหนึ่ง ลักษณะเหมือน กกไข่อยู่.....พร้อมกับบุ้ยใบ้ให้เราเดิน
ไปดู  


ขาวๆ ที่ซอกเขาข้างหน้าคือธารน้ำแข็ง


 แหม...เห็นจะๆ กันแบบนี้ต้องขอพิสูจน์ซะหน่อยเพราะกิตติศัพท์การออกเก็บ
ไข่นกของชาวไทยที่อาศัยอยู่ในไอซ์แลนด์ยามหน้าร้อนนั้น ทำให้อยาก
ตามชมก็หลายครั้ง  แต่คราวนี้คนพื้นที่พามาดูเองเลย...ต้องขอพิสูจน์เสียหน่อย....


เดินไปตรงไหนก็จะพบดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ตามพื้นหญ้าเสมอๆ


เมื่อเท้าพาเดินไปเกือบถึงจุดที่นกตัวนั้นมองมาอย่างระแวงภัยโดยที่
ไม่ยอมบินหนีไปทางไหน ทำให้ออกจะเฉลียวใจอยู่ครามครัน  
แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้มันก็ขยับตัวพร้อมจะบิน แล้วที่สุดก็บินขึ้นไป
อิฉันก็ไม่รีรอที่จะรีบมุ่งตรงไปเพื่อขอชมไข่ในรังนี้ว่าจะน่าชมขนาดไหน....


Skumu นอนกกไข่อย่างหวาดระแวง


มีไข่เรียงกันอยู่ในรังที่สะด้วยหญ้าบางๆ ไม่ได้สวยเหมือนรังของนกเป็ด
ที่เคยไปชมมาแล้ว อันนั้นน่านอนด้วยขนของมันที่เอามาสะเป็นรังให้ลูก
น้อย....ส่วนตัวนี้ออกจะเถื่อนนิดนึง...อิฉันมองสภาพนกที่ดูหน้าตาคล้าย
นกอินทรีแต่เล็กกว่า สีก็เป็นน้ำตาลแซมดำ ดูดุดัน ระหว่างที่กำลังยืนมอง
ดูไข่ในรังเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงคุณสารถีที่ยืนอยู่ข้างรถกำลังตะโกนบอก
อะไรบางอย่าง ส่วนในมือก็ถือกล้องกำลังจะถ่ายรูป....อิฉันก็นึกว่าคุณ
เธอจะถ่ายรูปก็เลยเต๊ะท่าเสียหน่อยแต่ยังไม่ทันที่ชัตเตอร์จะกด ก็ได้ยิน
เสียงวี๊ดวิ๊วข้างหลังพอหันไปหัวใจอิฉันแทบจะลงไปกองที่ตาตุ่มเพราะ....
ในระดับสายตา เจ้านกตัวนั้นกำลังมุ่งหน้าพุ่งตรงมาที่ดิฉันอย่างดุร้ายน่ากลัว....
สัญชาตญานแท้ๆ ที่ทำให้ย่อตัวลงในทันทีที่เจ้าหมอนั่นพุ่งมาถึง ...

หลังจากพลาดเป้าเธอก็ไปตีวงมาใหม่ค่ะ นาทีนี้อิฉันก็รีบก้าวยาวๆ
หนีกลับไปที่รถที่มีนายสารถียืนถือกล้องพร้อมถ่ายภาพอยู่....อาการ
ตอนนี้ไม่สนุกแล้วค่ะ ทั้งตกใจทั้งกลัว ทั้งระแวงว่าจะมีพวกมันอีกไหม
เมื่อกี้ถ้าหลบไม่ทันมีหวังมันต้องพุ่งมาชนแน่ๆ โอยยยย...ยิ่งกว่าจงอาง
อีกหรือนี่....


น่าประหวั่นพรั่นพรึงจริงๆ


เมื่อถึงรถก็รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างเหน็ดเหนื่อยพร้อมหันไปเร่ง
คุณสารถีที่ยังเพลิดเพลินกับการรัวชัตเตอร์ใส่เจ้านกตัวนั้น....
มาสอบถามภายหลังถึงเจ้านกตัวนี้ มีชื่อว่า สกูมูร์ ค่ะ เป็นสายพันธุ์
เดียวกับเหยี่ยวนั่นเอง....นิสัยดุร้ายไม่กลัวคนยามที่กกไข่   และไม่ใช่
ไข่ที่เค้าเก็บมากินกันเพราะไม่มีใครอยากเสี่ยง  อีกประการคือ นกพวกนี้
จะไม่อยู่เป็นฝูง...คุณสารถีเธอเห็นโดยบังเอิญเลยหลอกใช้อิฉันไปเป็น
ตัวล่อเป้ากับการได้ภาพสวยๆ มาให้เชยชมภายหลัง....โอ...เพิ่งรู้ว่าฝรั่ง
ก็เจ้าเล่ห์เป็นเหมือนกัน...แล้วเราก็โขยกเขยกกับเส้นทางที่มุ่งไปยังภูเขา
ที่ทอดตัวสงบอยู่เบื้องหน้า...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น